- 0.0 (0)
- |
- ขายได้: 0
เชื่อว่าหลายคนมีความใฝ่ฝันที่อยากจะทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการลับ อยากเป็นดั่งพระเอกที่สามารถใช้กำลัง ใช้อาวุธต่อกรกับเหล่าร้ายด้วยหัวใจระทึก ช่วยคลี่คลายวิกฤติ หรือไขปริศนาคดีต่างๆ หลังจากได้รับชมภาพยนต์แอ๊คชั่น เจมส์บอนด์ 007 (ที่มีหลายตอน) หรือซีรี่ประเภทสืบสวนสอบสวน (CSI) รวมถึงจากการอ่านหนังสือนวนิยาย ส่งผลให้เกิดความซึมซับจากสิ่งที่ได้รับชม ซึ่งแน่นอนย่อมต้องบอกกับตัวเองว่าสักวันหนึ่ง อยากจะเป็นดั่งพระเอกมากความสามารถ กล้าหาญ เช่นนั้นบ้าง แต่ก็เป็นเพียงแค่ความฝันอันริบหรี่ จินตนาการไปต่างๆ นานา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หลายคนอาจหมดความหวัง มองว่าคงไม่มีความเป็นได้หรอกในโลกแห่งความเป็นจริง ปล่อยให้ความใฝ่ฝันนั้นคงค้างเติ่งต่อไปอย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ดี ในความเป็นไปไม่ได้ ย่อมไม่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีแรงบันดาลใจ มีความมานะพยายามเสาะแสวงหา ติดตามข้อมูลข่าวสารว่าจะมีหน่วยงานไหนบ้างที่เปิดรับสมัคร หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสักวันหนึ่งโชคต้องเข้าข้างอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงขอถือโอกาสเป็นส่วนหนึ่งที่จะขอเป็นประทีปส่องทาง ที่จะนำพาน้องๆ ที่สนใจไปสู่ฝันที่เป็นจริง นั่นก็คือ การก้าวเข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการลับ หรือเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง หรือเรียกสั้นๆ ว่าสายลับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดังกล่าวหน่วยงานที่เปิดรับสมัครหลักๆ ก็จะประกอบไปด้วย หน่วยปฏิบัติการที่เป็นพลเรือน (สำนักข่าวกรองแห่งชาติ/สขช.) ตำรวจ (สันติบาล/บช.ส.) ทหาร (กรมข่าวทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ/หน่วยข่าวกรองทหาร กองทัพบก (ขกท.) และศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ. บก.กองทัพไทย) นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอื่นๆ อีกมากมายแต่ไม่มีการเปิดเผยอย่างชัดแจ้ง แต่มีลักษณะงานเป็นดั่งเช่นหน่วยงานที่กล่าว อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
ลักษณะการทำงาน ในองค์กรหนึ่งจะมีโครงสร้างกองบัญชาการ (บก.) ตั้งอยู่ที่ส่วนกลาง (กรุงเทพฯ ) ประกอบไปด้วย กอง ฝ่าย แผนกต่างๆ โดยมีหน่วยขึ้นตรงกระจายออกไปในระดับภูมิภาค และระดับจังหวัด เพื่อปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบอีกมากมาย ทั้งนี้อยู่ที่ว่าเราจะถูกบรรจุเข้าไปอยู่ตรงส่วนไหน โดยพิจารณาจากคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งเป็นลำดับแรก ตามด้วยความรู้ความสามารถ แต่ก็อาจมีการสลับสับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม เช่น ผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านภาษา จะให้ไปทำหน้าที่ธุรการ รับแขกแจกของ หรือพลขับรถก็คงไม่ใช่ อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถปรับตัวมองเห็นตัวตนของเรา ว่าเหมาะที่จะทำหน้าที่ในตำแหน่งไหนบ้าง ดังคำกล่าวที่ว่า “คนสำราญ งานสำเร็จ”
2. การเตรียมตัวสอบ
ไม่มีอะไรยุ่งยาก สลับซับซ้อน เพียงแค่จบการศึกษา ระดับชั้น ม.ปลาย/ปวช./ปวส./ปริญญาตรี ทั้งนี้หากมีความประสงค์จะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนก็ไปที่ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ซึ่งจะมีการเปิดรับผู้จบการศึกษา ชั้น ม.ปลาย - ปริญญาตรี ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ที่มีการเปิดสอบบรรจุเกือบทุกปี ส่วนตำรวจก็เป็น กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) ส่วนใหญ่จะเปิดรับผู้ที่จบการศึกษาจาก รร.นายสิบตำรวจ หรือปรับย้ายมาจากหน่วยอื่น ส่วนทหารก็จะมี กรมข่าวทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ และหน่วยข่าวกรองทหาร (ขกท.) ซึ่งรับบรรจุผู้ที่สำเร็จการศึกษาจาก รร.นายสิบทหารบก, รร.นายสิบทหารราบ, รร.จ่าอากาศ, รร.จ่าทหารเรือ (ระดับชั้นประทวน) รวมทั้งผู้สำเร็จการศึกษาจากนักเรียนนายร้อย (ระดับชั้นสัญญาบัตร) นอกจากนี้ก็ยังมีศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) และหน่วยข่าวกรองทหาร (ขกท.) ซึ่งบางปีจะมีการเปิดรับจากบุคคลพลเรือน/ทหารกองหนุน เข้ารับการบรรจุโดยตรงในตำแหน่งต่างๆ อาทิ เสมียน และพลขับรถ ที่มีความสามารถด้านภาษา (อัตรา ส.อ.) ส่วนนายทหารสัญญาบัตร จะเปิดรับในตำแหน่งที่ขาดแคลน อาทิ ล่ามภาษาต่างๆ คุณวุฒิปริญญาตรี โดยเปิดรับสมัครผ่านกรมยุทธศึกษาทหารบก (ยศ.ทบ.) เป็นต้น
คุณสมบัติ
1. อายุไม่ต่ำกว่า 18 - 35 ปี บริบูรณ์
2. มีคุณวุฒิตามที่กำหนด
3. มีสัญชาติไทย
4. เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
5. ไม่เป็นผู้ที่มีร่างกายพิการ ทุพพลภาพ หรือมีโรคซึ่งไม่สามารถจะรับราชการได้
6. ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีงาม
7. ไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือเป็นบุคคลล้มละลายตามคำพิพากษาของศาล
8. ไม่เป็นผู้ที่เคยถูกให้ออกจากราชการเพราะมีความผิด หรือมีมลทิน หรือมัวหมอง
9. ไม่เป็นผู้ที่อยู่ในระหว่างพักราชการ
10. ไม่เป็นผู้ที่เคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลในคดีอาญา ยกเว้นความผิดฐานประมาท หรือลหุโทษ
11. หลักฐานแสดงวิทยฐานะ
12. สำเนาทะเบียนบ้าน หรือใบรับรองสัญชาติของผู้สมัคร และบิดามารดา
13. ใบสำคัญความเห็นของแพทย์ (ผลการตรวจไม่เกิน 6 เดือน)
14. ใบสำคัญทางทหาร (กรณีผู้สมัครเป็นชาย)
15. ห้ามมีประวัติที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกชนิด (สำคัญมาก)
นอกจากคุณสมบัติดังที่กล่าวแล้ว ยังต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง มีความรอบรู้ในทุกด้าน เนื่องจากการปฏิบัติงานส่วนใหญ่เป็นงานด้านการข่าวกรอง (Intelligence) เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง จำเป็นต้องมีความรู้ มีปัญญา ถ้าไม่มีความรู้ ไม่มีปัญญา ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร เพราะเจ้าหน้าที่ คือเครื่องมือและมีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่นคงของชาติ ซึ่งมีความสำคัญยิ่ง หากการข่าวกรองส่งสัญญาณที่ผิดแก่กองทัพ และหน่วยงานความมั่นคงอื่น ลองคิดดูก็แล้วกันว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ดังนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ชาติบ้านเมืองปัจจุบันเผชิญกับสิ่งท้าทาย และภัยคุกคามหรือไม่ อย่างไร หากมีสิ่งท้าทายและภัยคุกคามนั้น จะมีความรุนแรงขนาดไหน ต้องสามารถระบุต้นตอ สาเหตุ และกลุ่มที่สร้างภัยคุกคามต่อชาติบ้านเมืองได้ เพราะถ้าระบุสาเหตุ หรือต้นตอของภัยคุกคาม และปัญหาผิดพลาด การแก้ปัญหาก็หลงทาง
3. การสอบ
การสอบบรรจุเข้ารับราชการ จะมีการทดสอบภาควิชาการ ซึ่งประกอบด้วย วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เศรษฐกิจสังคม ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม และความรู้ทั่วไป ต่อด้วยการทดสอบร่างกาย (วิ่ง 1 ไมล์, ดันพื้น, ดึงข้อ, ลุกนั่ง ตามเกณฑ์ที่กำหนด) รวมถึงการสอบภาษา และสุดท้ายก็คือ การสอบสัมภาษณ์ (ดูบุคลิกท่าทาง ปฏิภาณไหวพริบ)
4. หลังจากสอบบรรจุ
ภายหลังจากประกาศผลสอบได้ และเข้ารับการบรรจุแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องเข้ารับการอบรมในหลักสูตรต่างๆ ที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง ตามยศ/ตำแหน่ง โดยเฉพาะงานด้านข่าวกรอง ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถในด้านสติปัญญา ปฏิภาณไหวพริบ ดังคำกล่าวของซุนวู ว่า “ถ้าท่านรู้จักข้าศึก และรู้จักตัวท่านเองท่านก็ไม่ต้องกลัวแม้จะต้องทำสงครามสักร้อยหน ถ้าท่านรู้จักตัวท่านเองแต่ไม่รู้จักข้าศึกแทนที่จะชนะท่านจะต้องแพ้ แต่ถ้าท่านไม่รู้จักแม้กระทั่งตัวท่านเองและข้าศึก ท่านจะต้องพ่ายแพ้ยับเยินในทุกการสงคราม”
นอกจากนี้ยังได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับข่าวสาร (Information) เรื่องราว ข้อมูล เหตุการณ์ที่ได้จากการสำรวจ สื่อสาร รายงาน ข่าวลือ ความนึกคิด ภาพถ่าย หรือแหล่งข่าวสาร อาจจะจริงหรือเท็จก็ได้ ต่างจากข่าวกรอง (Intelligence) ซึ่งเป็นผลิตผลจากการรวบรวม ประเมินค่า และตีความจากข่าวสารข่าวกรองทั้งมวล รวมถึงการรวบรวมข่าวสาร ซึ่งเป็นการแสวงหาประโยชน์จากแหล่งข่าวอย่างมีระบบ ที่ต้องมีการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในการวางแผนรวบรวมข่าวสารอย่างละเอียดรอบคอบ สมเหตุสมผล มิใช่ได้จากข่าวสารที่ไม่มีมูล
การรวบรวมข่าว มีทั้งการรวบรวมข่าวเปิด และการรวบรวมข่าวทางลับ การประเมินแหล่งข่าวและข่าวสาร การวิเคราะห์วิจัยข่าว การตีความข่าว การบอกแนวโน้มของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น การรวบรวมข่าวซึ่งยากอยู่แล้ว การวิเคราะห์ข่าว และการตีความข่าวยิ่งยากกว่าหลายเท่า ดังนั้นเจ้าหน้าที่จำต้องเป็นผู้มีองค์ความรู้และประสบการณ์ จึงจะเข้าใจสถานการณ์ความเป็นไปของบ้านเมืองได้อย่างลึกซึ้ง ถูกต้อง สามารถแยกแยะได้ออกว่า อะไรถูกผิด อะไรคือผิดชอบชั่วดี โดยเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชนเป็นที่ตั้ง
5. ข้อคิด/กำลังใจ
ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการลับนั้น หากมองผิวเผินจากภายนอก ดูเหมือนว่าน่าจะมีความเป็นอิสระ เพราะได้ทำงานในสิ่งที่ท้าทาย และแอ๊คชั่นตลอด โดยไม่ต้องสวมใส่เครื่องแบบ (ตัดผมสั้นเกรียน) ดั่งเช่นข้าราชการทั่วไป ทว่าในความเป็นจริงมันกลับตรงกันข้าม นั่นคือ การปฏิบัติงานจะไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน (ทำงาน 24 ชม.) ทำให้ไม่มีเวลาเป็นของตนเอง ทั้งนี้เนื่องจากบางคราวจำเป็นที่จะต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ และภารกิจที่ได้รับมอบ จึงอาจส่งผลก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้ นั่นคือ
1. ความตึงเครียดจากการใช้ชีวิตสองสถานะ ความรู้สึกว่าถูกตัดขาดจากบุคคลอื่นที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในความกลัวว่าจะถูกเปิดเผย
2. การไม่สามารถรักษาความลับได้ ซึ่งเมื่อรู้ความลับแล้ว มักเกิดความรู้สึกภายในที่ต้องการจะเปิดเผย หรือต้องการคุยเขื่องว่าตัวเองรู้ในสิ่งที่ผู้อื่นไม่รู้ ทำให้ความลับอาจถูกเปิดเผยได้โดยไม่ตั้งใจ
3. ความต้องการการยกย่องสรรเสริญ ซึ่งบางครั้งเมื่อทำงานได้ผลดีก็ย่อมต้องการให้ผู้อื่นเยินยอสรรเสริญ ที่ต้องการเล่าให้ผู้อื่นฟังว่าตนปฏิบัติการได้ดี
4. ความเฉื่อยชา ความเบื่อหน่าย หมดกำลังใจที่จะปฏิบัติงาน เมื่อมูลเหตุจูงใจเริ่มลดน้อยลง ทั้งความเหน็ดเหนื่อยจากการปฏิบัติงาน และจากปัญหาส่วนตัว
5. ความมักง่าย ในการปฏิบัติสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปตามความต้องการของตน ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่เหมาะสม
6. การปฏิบัติซ้ำซาก โดยมักจะลืมตัวและปฏิบัติการต่างๆ ด้วยวิธีการซ้ำ เดิมๆ
7. การใช้ความรู้ในทางที่ผิดเพื่อประโยชน์ของตน หรือความโน้มเอียงที่จะใช้วิชาความรู้ที่มี เพื่อผลประโยชน์ในทางที่มิชอบ
8. การขาดความเที่ยงธรรม โดยนำเอาความรู้สึกส่วนตัว มาใช้ในการพิจารณาดำเนินการในเรื่องต่างๆ อันเนื่องมาจากความรักหรือความเกลียด
จากปัญหาดังกล่าว อาจเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้ เนื่องจากในองค์กรหนึ่งประกอบไปด้วยบุคคลซึ่งมาจากร้อยพ่อพันแม่ ต่างภาค ภาษา ศาสนา วัฒนธรรม วัยวุฒิ คุณวุฒิ มาหลอมรวมกัน แน่นอนว่าปัญหาการเล่นพรรคเล่นพวกย่อมเกิดขึ้นอย่างมิอาจเลี่ยงได้ เพียงแต่ที่องค์กรอยู่ได้เพราะด้วยการนำระเบียบ วินัย กฏเกณฑ์มาเป็นข้อกำหนดในการปฏิบัติงาน แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาจะมากหรือน้อยอยู่ที่ว่า ตัวเรานั้นสามารถที่จะเตือนสติให้กลับคืนโดยพลันหรือไม่ เพราะในทุกปัญหา ย่อมมีทางออกเสมอ ขอเป็นกำลังใจให้..
- 0
- 2 ปีที่ผ่านมา
รายละเอียดเพิ่มเติม
-
รหัสข้อสอบS3520630
-
รหัสข้อสอบS3520630