เมนูทั้งหมด
เมนูทั้งหมด

ข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการ

  1. ผู้ลงผลงานอาจมีการนำเข้าหรือแชร์ลิงค์ออกไปยังเว็บไซต์อื่น หรือแพลตฟอร์มของบุคคลอื่น ในกรณีดังกล่าว หากเกิดปัญหาใดๆ หลังจากการแชร์ลิงค์ออกไปภายนอก จะไม่ถือเป็นความรับผิดชอบของทาง ‘คลังความรู้.com’ ทุกกรณี
  2. เมื่อสมัครสมาชิกเพื่อลงผลงาน หรือใช้บริการ ทางเราอาจขอข้อมูลบางประการจากผู้สมัครโดยผู้สมัครสามารถสร้างข้อมูลสมาชิกต่าง ๆ ได้เอง เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ วัน/เดือน/ปี เกิด หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่ หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาพถ่ายที่ผู้ใช้งานอาจทำการอัพโหลดเข้ามาในระบบ ผู้สมัครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อข้อมูลสมาชิกของที่ตนเองสร้างขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ รูปภาพหรือสถานที่ต่าง ๆ ท่านต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนถึงความเสี่ยงในการแสดงข้อมูลนั้น ๆ
  3. หากผู้สมัครตัดสินใจเข้าใช้บริการ ‘คลังความรู้.com’ โดยผ่านบริการยืนยันตัวตนของผู้ให้บริการอื่น เช่น ผู้ให้บริการเฟสบุ๊คหรืออีเมล เป็นต้น ทางเราอาจได้รับข้อมูลประวัติหรือข้อมูลอื่นเพิ่มเติมตามที่ผู้ให้บริการรายดังกล่าวแสดงผลและกำหนดไว้
  4. ข้อมูลจากเว็บไซต์และอุปกรณ์เคลื่อนที่อาจมีการบันทึกข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ของเรา เช่น ข้อมูลที่ได้รับจากอุปกรณ์หรือเว็บบราวเซอร์ของผู้สมัคร รวมถึงไอพีแอดเดรส โดยการดำเนินการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นที่เว็บไซต์ ‘คลังความรู้.com’ หรือบนแพลตฟอร์มบุคคลภายนอกด้วย
  5. ‘คลังความรู้.com’ อาจใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมและควบคุมไว้เพื่อวิเคราะห์ปรับปรุงบริการด้านต่าง ๆ เพื่อให้บริการได้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้งาน ดังนั้นจึงอาจมีการติดต่อสมาชิกสำหรับการสื่อสารด้านการตลาดที่ได้รับอนุญาตผ่านช่องทางติดต่อสื่อสารใดๆ ที่ใช้การได้
  6. ข้อมูลที่ ‘คลังความรู้.com’ เก็บรวบรวมจะได้รับการปกป้องโดยขั้นตอนรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมตามสมควร เพื่อป้องกันการเข้าถึงหรือใช้ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามนโยบายที่ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรไว้อย่างเคร่งครัด โดยจะไม่กระทำการใดอันเป็นการล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้งานอื่นหรือบุคคลภายนอก ทั้งนี้หาก ‘คลังความรู้.com’ พบการล่วงละเมิดดังกล่าว เราขอสงวนสิทธิในการยกเลิกและปิดกั้นการเข้าใช้ของผู้ใช้งานผู้กระทำการล่วงละเมิดนั้น

    กรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลและช่องทางติดต่อสื่อสารของผู้ใช้งานเสียหายหรือสูญหาย ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งรวมถึง การจารกรรมด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (Hack) หรือวิธีการอื่น ‘คลังความรู้.com’ ขอสงวนสิทธิโดยไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายหรือสูญหายดังกล่าว หรือต่อความเสียหายสืบเนื่องใดๆ ทั้งสิ้น

  7. หลังจากซื้อผลงานชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ผลงานชิ้นนั้น ๆ จะถูกเก็บไว้ใน ‘คลัง’ ของผู้ใช้บริการเพื่อให้พร้อมเข้าอ่านได้ตลอดเวลา ผู้ใช้บริการจะสามารถเข้าอ่านได้ตลอดแม้ว่าผลงานชิ้นนั้นจะถูกลบออกจากหน้าเสนอขายไปแล้วก็ตาม
  8. ผู้ลงผลงานมีสิทธิในการอัพเดตและปรับเปลี่ยนเนื้อหาของผลงานที่ถูกซื้อไปแล้วได้ แต่ต้องผ่านการตรวจสอบจากระบบของเราก่อน
  9. ผู้ใช้บริการไม่มีสิทธินำผลงานที่ซื้อไว้ไปทำซ้ำ หรือเผยแพร่ต่อในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด
  10. ผู้ใช้บริการไม่สามารถขอคืนเงินได้ทุกกรณี หลังจากทำการซื้อไปแล้ว
cover
ปัจจัยสังคมที่ทำให้ประเทศไทยไม่พัฒนา (อย่างที่ควรจะเป็น)
  • 0.0 (0)
  • |
  • ขายได้: 0
ประเทศไทย ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตั้งแต่ พ.ศ.2475 นับจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 80 ปี และได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาถึง 20 ฉบับ (ปัจจุบัน พ.ศ. 2560) อันมีภูมิหลังและเป้าหมายหลัก เพื่อการปฏิรูปการเมืองการปกครอง ให้เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และความเจริญทางเทคโนโลยี มุ่งให้เป็นรัฐธรรมนูญที่คืนอำนาจกลับสู่ประชาชน และพัฒนาโดยใช้การศึกษาเป็นกลไกสำคัญ ให้คนไทยมีความรู้คู่คุณธรรม โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางทุกขั้นตอน เพื่อประโยชน์สุขและความสมานฉันท์ของคนไทยโดยส่วนรวม แต่เหตุอันใด ประเทศไทยจึงไม่พัฒนาไปถึงไหน เฉกเช่นนานาอารยะ หรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ซึ่งสาเหตุและปัจจัย น่าจะเกิดจากกลุ่มบุคคลในสังคมซึ่งเป็นองค์รวม ดังนี้
ประชาชน
ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความสนใจด้านการเมือง ไม่อยากมีส่วนร่วมทางการเมือง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ยกตัวอย่างนิสิตนักศึกษาสมัยก่อนกับปัจจุบันจะแตกต่างกันมาก นักศึกษาปัจจุบันจะสนใจแต่วัตถุนิยม ใช้ของฟุ่มเฟือย อีกอย่างประชาชนคนไทยมีค่านิยมการชอบบริโภค ไม่ว่าจะมีการผลิตสินค้าประเภทใดๆ ใหม่เกิดขึ้น ทั้งในและต่างประเทศส่วนใหญ่จะได้รับการต้อนรับจากคนไทยเป็นอย่างดี นับตั้งแต่สินค้าที่มีราคาค่างวดถูก ไปจนกระทั่งสินค้าที่มีราคาแพง ความจริงค่านิยมอันนี้ไม่น่าจะมีอุปสรรค หรือเป็นปัญหาต่อการพัฒนาประเทศ เพราะการที่คนชอบบริโภคเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้การผลิตก้าวหน้า ผู้ประกอบการจะได้มีเงินทุนมาใช้ในการขยายการผลิต ซึ่งก็น่าจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจมิไช่หรอกหรือ แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ที่บริโภคสินค้าส่วนหนึ่ง นอกจากเป็นผู้ที่ชอบบริโภคอย่างเดียวแล้ว อีกส่วนหนึ่ง ก็มักจะชอบจับจ่ายใช้สินค้าเกินกำลังของตน ยิ่งการบริการในปัจจุบันผู้ประกอบการ ผู้ผลิต ผู้ขายส่งรายย่อย ใช้ระบบบริการผ่อนส่งผ่านบัตรต่างๆ ดูจะยิ่งส่งเสริมความฟุ่มเฟือยในการบริโภคมากยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ค่านิยมการชอบบริโภคอย่างเดียว น่าจะก่อให้เกิดปัญหาในการพัฒนาประเทศ มากกว่าจะส่งเสริมการพัฒนา เพราะทำให้ประเทศขาดดุลการค้ากับต่างประเทศ
นักการเมือง
จากการรับฟังข่าวสารจากสื่อต่างๆ มีแต่เรื่องของนักการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ ทั้งนี้เป็นเพราะนักการเมืองทำตัวน่ารังเกียจ ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคม ถ้าเอ่ยถึงการเมืองมักจะนึกถึงสิ่งที่ไม่ค่อยดี ไม่เป็นมงคล เห็นการเมืองเป็นเรื่องของการแย่งผลประโยชน์ แย่งอำนาจ ทำให้เมื่อมีการเลือกตั้งในทุกระดับ จะไม่ค่อยมีผู้อยากไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยเฉพาะชาวกรุงเทพฯ ทำให้รัฐธรรมนูญต้องกำหนดให้ทุกคนต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าเลือกไปก็เท่านั้น ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น มีแต่ข่าวการโกงกิน คอรัปชั่น ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับเลือกตั้งครั้งต่อไป ทั้งนี้เพราะนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นมา มักไม่ค่อยมั่นคง เพราะบุคคลที่ก่อตัวกันเข้ามาเป็นพรรคการเมือง ไม่ได้มีอุดมการณ์หรือภักดีต่อพรรคที่ตนสังกัด หากแต่มีความภักดีต่อบุคคลคือผู้นำของพรรค และความสัมพันธ์ของผู้นำพรรคกับสมาชิกพรรค มักจะเป็นความสัมพันธ์แบบผู้อุปถัมภ์กับลูกน้อง โดยแต่ละฝ่ายพยายามให้อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่ามีค่า ควรแก่การที่จะเป็นผู้อุปถัมภ์หรือเป็นลูกน้อง ซึ่งถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเห็นว่าการลงทุนของตนที่ลงทุนไปไม่คุ้ม ก็อาจถอนตัวจากการเป็นผู้อุปถัมภ์หรือเป็นลูกน้องได้ ความสัมพันธ์แบบนี้มีการเปลี่ยนแปลง และมีความไม่มั่นคงสูง ผู้อุปถัมภ์คนหนึ่งอาจมีลูกน้องเพิ่มขึ้นมากมาย จากที่เขาได้ตำแหน่งสำคัญที่ควบคุมผลประโยชน์ ซึ่งสามารถแจกจ่ายได้ แต่ถ้าเขาตกอับออกจากตำแหน่งไป หรือหมดอำนาจวาสนา จำนวนบริวารก็จะลดลงอย่างรวดเร็วตามไปด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะนักการเมืองส่วนใหญ่ขาดอุดมการณ์ และระเบียบวินัย ทำให้พรรคการเมืองไทยไม่เข้มแข็ง เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ทั้งที่อ้างตนว่า เป็นผู้แทนที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน อ้างตัวว่าเป็นผู้ทรงเกียรติ วันดีคืนดีก็หาเรื่องท้าตีชกต่อยกันในสภา ประกาศตัดขาดความเป็นพี่เป็นน้อง ให้เป็นที่อับอายขายหน้าก็เคยมี
ข้าราชการ
จากสภาวะทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน นอกจากจะมีผลกระทบต่อประชาชนโดยส่วนรวมแล้ว ยังมีผลกระทบถึงข้าราชการด้วยเหมือนกัน ทำให้ข้าราชการส่วนหนึ่งที่มีรายได้น้อย ได้กลายเป็นผู้ที่ทุจริต หรือฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า การฉ้อราษฎร์บังหลวงจะเกิดขึ้นเฉพาะข้าราชการที่มีรายได้น้อยเท่านั้น ข้าราชการที่มีรายได้มากก็อาจจะฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ แต่ที่ไปเน้นที่ข้าราชการที่มีรายได้น้อย เพราะข้าราชการเหล่านี้ได้รับเงินเดือนและผลประโยชน์เกื้อกูลต่างๆ น้อยมาก เมื่อไม่พอใช้จ่ายก็แสวงหาทางออกโดยการฉ้อราษฎร์บังหลวง มีการประพฤติละเมิดระเบียบวินัยของทางราชการ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ต้องมาติดต่อ โดยอาศัยอำนาจหน้าที่ ซึ่งการทุจริตหรือฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยใช้อำนาจหน้าที่ ตามสถานที่ราชการบางแห่ง ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่อาจจะรับสินบนทางอ้อม โดยใช้คนกลางเป็นหน้าม้าเป็นสื่อกลางคอยเสนอ ให้บริการแก่ประชาชนที่มาติดต่อ และคนกลางนั้นเองจะเป็นผู้เรียกร้องเก็บเงินจากผู้มาติดต่อ แล้วนำไปแบ่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่คนกลาง กับเจ้าหน้าที่ที่จะให้การบริการ หากประชาชนเข้าติดต่อโดยตรงกับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ก็อาจจะแกล้งหน่วงเหนี่ยว ไม่ให้ความสะดวกเท่าที่ควรเหมือนให้คนกลาง ทำให้ประชาชนจำต้องเสียเงินไปโดยมิชอบ วิธีหน่วงเหนี่ยวมีหลายวิธี เช่น บอกว่าเอกสารหลักฐานยังไม่ถูกต้อง ให้ทำใหม่ ทำให้ประชาชนที่มาติดต่อต้องเทียวไปเทียวมาจนเกิดความเบื่อหน่าย ทั้งนี้เพราะระเบียบวิธีปฏิบัติราชการมีความยุ่งยากหลายขั้นตอน จึงต้องซื้อความสะดวกหรือไม่ก็ให้ผลประโยชน์กับข้าราชการเหล่านั้นไป ถ้าไม่ทำเช่นนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะกลั่นแกล้งด้วยวิธีต่างๆ ไม่เอื้อเฟื้อความสะดวก แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าข้าราชการทุกคน จะเป็นเช่นที่กล่าวมาเสมอไป เพราะยังมีผู้ข้าราชการอีกจำนวนไม่น้อยที่บำเพ็ญตนเป็นที่น่านิยม ไม่ยอมประพฤติไปในทางทุจริตหรือฉ้อราษฎร์บังหลวง ตรงกันข้ามกับใช้ความพยายามค่อยๆ สร้างฐานะของตนขึ้นมาด้วยความเพียร โดยตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนด้วยความสุจริต มิได้มุ่งหวังที่จะร่ำรวยขึ้นมาโดยทางลัด ดังนั้นถ้ามีข้าราชการที่มีความตั้งใจทำงาน เสียสละ ซื่อสัตย์ เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว จึงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญขึ้นได้ แต่ยังมีข้าราชการอีกไม่น้อย ที่เป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศ
นักธุรกิจ
หากเอ่ยถึงนักธุรกิจ สังคมมักจะมองว่าเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการค้า เพราะส่วนใหญ่มักจะอิงกับนักการเมือง และข้าราชการ นักธุรกิจบางคนบางกลุ่มที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย จะมีพฤติกรรมชอบเอารัดเอาเปรียบสังคม ชอบอ้างอิทธิพลหรือสิทธิพิเศษต่างๆ ที่จะไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การวิ่งเต้นให้สินบนแก่เจ้าพนักงานที่จะไม่ต้องถูกดำเนินคดี หรือให้รับโทษน้อยลง และร่วมมือกับข้าราชการ นักการเมือง ทำการฉ้อราษฎร์บังหลวง (คอร์รัปชั่น) ในการจัดซื้อจัดจ้าง หรือฮั๊วประมูลงานก่อสร้างถนนหนทาง และอาคารสถานที่ของทางราชการ ทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณแผ่นดินในแต่ละปี เป็นเงินจำนวนมากมายมหาศาล แทนที่งบประมาณที่เก็บภาษีจากประชาชนได้ใช้อย่างคุ้มค่า กลับรั่วไหลไปกับกลุ่มที่เรียกว่า “สามประสาน” คือ ข้าราชการชั่ว นักการเมืองเลว นักธุรกิจเห็นแก่ได้ ทำให้เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญขึ้น

บทสรุป

จากปัญหาอุปสรรคซึ่งขวางกั้นการพัฒนาประเทศในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ระบบและกลไกทางการเมือง แทบจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้เลย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หรือจากการรัฐประหารก็ตาม ในขณะที่สภาพเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี มีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด อันเนื่องมาจากกระแสโลกาภิวัฒน์ แต่พัฒนาทางการเมืองเป็นไปอย่างเชื่องช้า ทั้งยังไม่มีการปรับเปลี่ยนกลไกและกระบวนการทางการเมือง ซึ่งเป็นตัวกำหนดนโยบายระดับชาติ ปัญหาทางการเมืองจึงเป็นตัวถ่วงการพัฒนาทางสังคม และเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นทุกฝ่าย ต้องมีจิตสำนึกที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง ทั้งนี้เพื่อสังคมประเทศชาติจะได้พัฒนาขึ้นอย่างที่ควรจะเป็นต่อไป..
  • 0
  • 3 ปีที่ผ่านมา

รูปแบบ และแนวทางการลงผลงาน

รูปแบบการลงผลงาน

การลงผลงานให้อ่านใน ‘คลังความรู้.com’ จะแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบโดยผู้ลงผลงานสามารถเลือกได้เองอย่างอิสระ ดังนี้

รูปแบบที่ 1: เปิดให้บุคคลทั่วไปอ่านฟรี

ผู้ลงผลงานสามารถเปิดให้ผู้ที่ต้องการศึกษาเข้าอ่านได้ฟรี เพื่อเป็นการทดลองอ่านหรือโฆษณาผลงานชุดนั้นๆ โดยที่ผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้อง Login ก็สามารถเข้าอ่านได้ ขึ้นอยู่กับผู้ลงผลงานว่ามีความประสงค์ให้อ่านฟรีมากเท่าใด อาจเป็นบางส่วนหรือทั้งชุด สิทธิ์ในการตัดสินใจเป็นของผู้ลงผลงานทั้งสิ้น อีกทั้งผู้ลงผลงานสามารถนำผลงานไปโปรโมท หรือเผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด

รูปแบบที่ 2: เปิดให้สมาชิกเท่านั้นที่อ่านฟรีได้

ผู้ลงผลงานสามารถติดไอคอน ‘เหรียญเงิน’ ในผลงานที่ผู้ลงผลงานต้องการสงวนไว้ให้เฉพาะสมาชิกเท่านั้นที่อ่านได้ ไอคอนเหรียญเงินที่ว่านี้จะทำให้ผู้อ่านเห็นคุณค่าของผลงานของท่าน และเหรียญเงินแต่ละดอกจะมีผลต่อการจัดอันดับ Top 10 ผลงานในแต่ละหมวดหมู่อีกด้วย

รูปแบบที่ 3: เปิดให้ผู้สนับสนุนเท่านั้นที่อ่านได้

ในกรณีที่ผู้ลงผลงานต้องการสร้างรายได้จากผลงานของท่าน ท่านสามารถเลือกที่จะติด ‘เหรียญทอง’ ในผลงานของท่านได้ โดยที่เหรียญเหล่านี้ ผู้ใช้บริการที่ต้องการจะสนับสนุนจะใช้เงินซื้อมาเพื่อแลกกับการอ่านผลงานของท่าน (ตามราคาที่ผู้ลงผลงานตั้งไว้ในแต่ละคอนเทนต์)

รูปแบบที่ 4: เปิดกว้างให้ทั้งสมาชิกและผู้สนับสนุนอ่านได้ทั้งคู่

ผู้ลงผลงานสามารถเลือกติดเหรียญเงินและเหรียญไปพร้อม ๆ กันได้ นั่นหมายความว่า ท่านยินดีที่จะให้สมาชิกอ่านฟรีและเปิดกว้างสำหรับผู้ที่พร้อมจะสนับสนุนไปด้วย ซึ่งวิธีนี้ก็จะดีมากสำหรับการโฆษณางานของตัวผู้ลงผลงานเองให้เป็นที่รู้จัก ผลงานของคุณจะไม่พลาดการจัดอันดับ Top 10 จากเหรียญเงินอีกทั้งยังสามารถได้รับการสนับสนุนจากผู้ใช้บริการในรูปแบบของเหรียญทองอีกด้วย

แนวทางการลงผลงาน

ข้อห้ามเกี่ยวกับผลงานที่นำมาลง

** ‘คลังความรู้.com’ ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับระดับการแสดงผลงาน หรือระงับการให้บริการผลงานแก่ผู้ลงผลงานที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด โดยไม่มีการแจ้งหรือขออนุญาตล่วงหน้า
*** หากเกิดการฟ้องร้องใดๆ เกี่ยวกับผลงานของผู้ลงผลงาน ทาง ‘คลังความรู้.com’ จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกกรณี เนื่องจาก ‘คลังความรู้.com’ เป็นพื้นที่ที่ใช้ลงผลงานเท่านั้น